Monday, July 27, 2015

Effect - Affect ทำหน้าที่ต่างกัน แต่ความหมายคล้ายกัน / ตัวอย่างประโยคและการใช้


Effect = ผลกระทบ เป็นคำที่เราใช้กันบ่อย แต่รู้ไหมว่ามันยังมีอีกคำหนึ่งที่ความหมายคล้ายกันคือ Affect ซึ่งบางคนก็ยังไม่เคยทราบว่ามีคำนี้ด้วย แล้วสองคำนี้ต่างกันอย่างไร?

Effect กับ Affect นั้นมีความหมายคล้ายกัน นั่นคือ สื่อถึงคำว่า ผลกระทบเหมือนกัน เพียงแต่ว่า การทำหน้าที่ในประโยคจะแตกต่างกัน

Effect ทำหน้าที่เป็น Noun หรือ คำนามของประโยค เช่น
The climate has an effect on the crops.
สภาพอากาศมีผลกระทบต่อพืชผล

Affect ทำหน้าที่เป็น Verb หรือคำกริยาของประโยค เช่น
The climate affects the crops.
สภาพอากาศส่งผลต่อพืชผล

เพียงแค่เรารู้หลัก ความต่างของคำ ก็จะสามารถเลือกใช้ให้ถูกการสื่อความหมาย ถูกต้องกับประโยคที่ต้องการจะแต่งได้

ที่มา : หนังสือ เลือกใช้ศัพท์ให้ฝรั่ง Like โดย ครูแอม
เวอร์ชั่นหนังสือ คลิก
เวอร์ชั่น E-book คลิก
- คำศัพท์ชวนงง - คำศัพท์ที่ความหมายคล้ายกันแต่ทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน - คำศัพท์ที่เขียนคล้ายกันแต่คนละความหมาย - คำพ้องรูปพ้องเสียง เป็นต้น



Friday, July 17, 2015

Live in - Live on ต่างกันอย่างไร



Live in หลักๆ แล้วแปลว่า อยู่อาศัย (อยู่ในที่) มีชีวิตอยู่ในสภาพ

All the students will live in the same hotel tonight.
นักเรียนทั้งหมดจะพักอาศัยอยู่ในโรงแรมเดียวกันคืนนี้

Live on หลักๆ แล้วแปลว่า พึ่งพา / มีชีวิตอยู่โดย

Sarah does not want to live on her parents.
ซาร่าห์ไม่ต้องการจะพึ่งพาพ่อแม่ในการดำรงชีพ


..........................................................................................

ที่มา: หนังสือเลือกใช้ศัพท์ให้ฝรั่ง Like ***Best Selling!
Ebook : เลือกใช้ศัพท์ให้ฝรั่ง Like
ร้านซีเอ็ดบุคเซ็นเตอร์ : เลือกใช้ศัพท์ให้ฝรั่ง Like

Tuesday, July 14, 2015

During - For - While ความแตกต่างในการใช้และการสื่อความหมาย

During - For - While
ความแตกต่างในการใช้และการสื่อความหมาย



During
During = ดยู-ริง = ใช้ในระหว่างที่เกินขึ้น
During ต้องตามด้วยคำนามเสมอ
เช่น The fans were singing during the concert.
เหล่าแฟนๆ กำลังร้องเพลงอยู่ในระหว่างคอนเสิร์ต

For
For = ฟอรฺ = ใช้เพื่อบอกว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นมานานเท่าไรแล้ว
ใช้ For แล้วตามด้วยระยะเวลา เช่น กี่ชั่วโมง หรือเวลานานเท่าไร
เช่น I've been driving for two hours.
ฉันขับรถมา 2 ชั่วโมงแล้ว

While
While = ไวลฺ = ใช้พูดถึงสองสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
While ในขณะที่... ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องตามด้วย อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่มีประธาน + การกระทำ
เช่น My brother was singing while I was watching a movie.
พี่ชายของฉันร้องเพลงในขณะที่ฉันกำลังดูหนังอยู่

------------------------------------------
ตัวอย่างหนังสือของเรา : http://issuu.com/happyhourbook
Cr: American English at state

Friday, July 10, 2015

คำง่ายๆ ที่ใช้ผิดบ่อย VOL1

คำง่ายๆ ที่ใช้ทุกวัน
อาจมีจุดผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่ามองข้าม



คำที่ใช้กันอยู่ทุกวันอย่างชินตา บางทีเราก็อาจเขียนไม่ครบบ้าง ตกหล่นไปบ้าง หรือพิมพ์เร็วๆ ก็ไม่ทันได้เติมมันลงไป จริงๆ จุดที่ผิดนั้นอาจทำให้ทั้งประโยคของเราเปลี่ยนไปทั้งหมดเลยก็ได้นะ เรามีตัวอย่างมาฝากกัน

It's ---- Its
สองคำนี้ถ้าเราขี้เกียจเติม apostrophe ลงไป อาจคิดว่าไม่เป็นไร แต่จริงๆ การเติมกับไม่เติม ส่งผลต่อทั้งประโยคเลยทีเดียว

It's = It is แต่
Its = ของมัน (แสดงความเป็นเจ้าของขึ้นมาทันที)

ยกตัวอย่างประโยค
It's a black dog.
อิทสฺ อะ แบลค ดอค
มันเป็นหมาสีดำ

แต่ถ้าบอกว่า The dog is waiting for its snack.
เธอะ ดอค อิซ เวทฺทิง ฟอรฺ อิทสฺ สแนค
หมากำลังรอคอยขนมของมันอยู่

....................................................................................

Then --- Than
สองคำนี้ก็มักสลับ หรือเผลอใช้ผิดกันอยู่บ่อยๆ เพราะมองผ่านๆนี่แทบจะเหมือนกัน
Then ใช้ได้หลายสถานะเลย

Then = บ่งบอกถึงเวลา/หลังจากนั้น

We left the hospital and then went home.
วี เลฟทฺ เธอะ ฮอสพิเทิล แอนดฺ เดน เวนทฺ โฮม
เราออกจากโรงพยาบาลแล้วจากนั้นก็ก็กลับบ้าน

Then = ฉะนั้น/ดังนั้น (ส่วนมากจะใช้คู่กับ If)

If you want to go, then you’ll have to finish your work.
อิฟ ยู วอนทฺ ทู โก เดน ยูลฺ แฮฟว ทู ฟินิช ยัวรฺ เวิรฺค
ถ้าคุณต้องการไป ฉะนั้นคุณก็ต้องเสร็จงานของคุณก่อนนะ

Than = บ่งบอกการเปรียบเทียบ

She is taller than her brother.
ชี อิซ ทอลเลอะ แดน เฮอ บราเธอรฺ
เธอสูงกว่าพี่ชายของเธอ

CR: http://www.businessinsider.com/
แอดมาพูดคุยกันได้ที่ Line official ID : qvg8499h

Thursday, July 9, 2015

หัวตัน คิดไม่ออก จะพูดว่ายังไงดี

หัวตัน คิดไม่ออก จะพูดว่าอะไรดี



เวลาคุยกับชาวต่างชาติอาจมีบางสถานการณ์ หรือบทสนทนาบางประโยคที่เรานึกศัพท์ไม่ออก หรือไม่รู้ว่าจะตอบเค้ายังไง เรามีวิธีแก้เขินมาฝาก ;)

1. I'm not sure that this is the right word, but...
ไอมฺ นอท ชัวรฺ แดท ดิซ อิซ เธอะ ไรทฺ เวิรฺด บัท...
ฉันไม่แน่ใจว่าคำนี้จะถูกต้องหรือเปล่า แต่...
~ เราอาจใช้คำศัพท์ผิดๆ ถูกๆ แต่การเกริ่นไปก่อนด้วยประโยคนี้จะทำให้คุณกล้าลองพูดออกมานะ

2. Let me think.
เลท มี ทิงคฺ
ขอฉันคิดก่อนนะ

Wait a sec.
เวท อะ เซค
รอแป๊บนึงนะ

Just a moment.
จัสทฺ อะ โมเมินทฺ
สักครู่นะ
~ คำเหล่านี้เป็นการบอกให้เขาทราบว่าเรากำลังคิดอยู่ (อย่าเพิ่งแทรกนะ) ขอเราคิดก่อน แล้วเรากำลังจะตอบ หรือกำลังจะเล่า

3. What I want to say is...
วอท ไอ วอนทฺ ทู เซยฺ อิซ...
สิ่งที่ฉันอยากจะพูดคือ...
~ อาจเป็นการเกริ่นนำก่อน ในบางเวลาที่คุณไม่อาจเล่ามันออกมาได้เลย หรือเป็นการอธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้เขาเข้าใจมากขึ้นในสิ่งที่เราอยากจะบอก

What I meant to say was...
วอท ไอ เมนทฺ ทู เซยฺ วอซ...
ที่ฉันต้องการจะบอกไปคือ...
~ ประโยคนี้เป็นการเล่าเท้าความไปถึงสิ่งที่พูดไปแล้ว (อดีต) นี่อาจเป็นประโยคแก้ตัว หรืออธิบายให้เข้าใจใหม่/เข้าใจเพิ่ม ในสิ่งที่พูดไปแล้ว

4. I really don't have an answer right now.
ไอ เรลฺลี โดนทฺ แฮฟวฺ แอน อานเซอะ ไรทฺ นาว
ฉันยังตอบในตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
~ ยังตอบไม่ได้ หรือยังไม่มีคำตอบให้ คุณก็สามารถบอกเขาไปแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะยังนึกไม่ออก ยังไม่รู้ หรือยังไม่ชัวร์ 

เห็นไหมว่าเรามีหลากหลายวิธีในการแก้เขิน หรือพูดใหม่ให้ถูกกว่าเดิมได้ ถ้าไม่รู้แล้วพูดไปแบบนี้ เขาก็จะเข้าใจ ซึ่งเราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไปถึงแม้จะพูดผิดๆ ถูกๆ ขอแค่กล้าพูดออกมาแค่น้านนน :)

แอดมาพูดคุยกันได้ที่ Line official ID : qvg8499h

Wednesday, July 8, 2015

เมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด / มากกว่า I don't understand

เมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
มากกว่า I don't understand คือสิ่งที่เราเตรียมมาให้



หลายคนที่ต้องพบปะพูดคุยกับชาวต่างชาติ หรือต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆ อาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ฟังไม่ทัน! ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติม๊ากกก (แหม... ก็ไม่ใช่ภาษาเกิดนิ) เพราะบางครั้งคนที่เป็นเจ้าของภาษาเขาก็พูดไปแบบธรรมชาติ ไม่รวบคำบ้าง ใช้คำแสลงบ้าง ทำให้เรางงไปบ้าง แต่ถ้าผ่านเลยไปอาจทำให้เราเสียโอกาสในการเรียนรู้คำศัพท์ดีๆ ไปก็ได้นะ ฉะนั้นถ้าไม่รู้ ก็ "ถาม" ด้วยประโยคง่ายๆ ตรงประเด็น แต่ไม่ใช่ I don't understand อย่างที่เราชินปากกัน เพราะประโยคนี้เป็นประโยคบอกเล่าที่บอกแค่ว่า เธอๆ เค้าไม่เข้าใจนะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้พูดให้ฟังใหม่หน่อย หรือขอร้องอะไรเพิ่มเติม

1. ในกรญีที่อาจหูดับ ฟังไม่ทัน หรือไม่ทันได้ฟัง แล้วอยากให้เขาพูดซ้ำอีกรอบ เราก็สามารถบอกเขาได้หลายสไตล์เลยค่ะ

Could you repeat that?
คูด ยู รีพีท แดท

Could you say that again?
คูด ยู เซยฺ แดท อะเกน

Once more, please.
วันซฺ มอรฺ พลีส

แปลได้ว่า : คุณช่วยพูดอีกรอบ/พูดซ้ำได้ไหม

What did you say?
วอท ดิท ยู เซยฺ
คุณพูดว่าอะไรนะ

2. ถ้าเราต้องการให้เขาอธิบายเพิ่มเติม คือไม่เข้าใจอะ ช่วยบอกรายละเอียดให้ลึกกว่านี้ได้ไหม

What do you mean, exactly?
วอท ดู ยู มีน เอ็กแซคทฺลี
จริงๆ แล้วคุณหมายความว่ายังไงอะ

Can you explain that?
แคน ยู เอ็กซฺเพลน แดท
คุณช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม

I'm not sure what you mean.
ไอมฺ นอท ชัวรฺ วอท ยู มีน
ฉันไม่แน่ใจว่าคุณหมายถึงอะไร

3. ถ้าเราอยากรู้เพิ่มเติม หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มล่ะ

I'd be interested to know...
ไอดฺ บี อินเทอเรสทิด ทู โนว
ฉันสนใจอยากทราบว่า...

Could you tell me more about that?
คูด ยู เทล มี มอรฺ อะเบาทฺ แดท
คุณช่วยบอกเรื่องนั้นเพิ่มได้ไหม

And then...?
แอนดฺ เดน
แล้วไงต่อ...

อยากรู้แต่ไม่อยากถาม เราอาจพลาดอะไรที่ควรรู้ไปนะ 
อะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ก็ถามมาได้น้าาา เก๊ารอตอบอยู่ ^_^
Line official ID : qvg8499h

Tuesday, July 7, 2015

WORKOUT step by step วิ่งออกกำลังแบบอินเตอร์ๆ ได้ทั้งหุ่นฟิต ได้ทั้งภาษา

WORKOUT
step by step
มาวิ่งออกกำลังแบบอินเตอร์ๆ
ได้ทั้งหุ่นฟิต ได้ทั้งภาษา



1. I start my run slowly, so my body can warm up.
ไอ สตารฺท มาย รัน สโลวฺลี โซ มาย บอดี แคน วอลฺม อัพ
ฉันเริ่มวิ่งอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น

2. I do repetitions of each weight, rest for one to two minutes and do three sets of ten repetitions for each body part.
ไอ ดู รีเพทฺทิเชินสฺ ออฟ อิช เวท เรสทฺ ฟอรฺ วัน ทู ทู มินิทสฺ แอนดฺ ดู ทรี เซตสฺ ออฟ เทน รีเพทฺทิเชินสฺ ฟอรฺ อิช บอดี พารฺท
ฉันทำซ้ำในแต่ละน้ำหนัก พักซัก 1-2 นาที แล้วทำเป็น 3 เซ็ท เซ็ทละ 10 ครั้ง ในการทำซ้ำแต่ละส่วนของร่างกาย

3. It is important to keep liquids in your body when exercising.
อิท อิซ อิมพอรฺเทนทฺ ทู คีพ ลิควิดสฺ อิน ยัวรฺ บอดี เวน เอ็กเซอรฺไซสฺซิง
มันสำคัญมากที่จะรักษาระดับน้ำในร่างกายของคุณเวลาออกกำลังกาย

4. When I finish my run, I walk briskly for a while so my body can cool down.
เวน ไอ ฟินิช มาย รัน ไอ วอลฺค บริสคฺลี ฟอรฺ อะ ไวลฺ โซ มาย บอดี แคน คูล ดาวนฺ
เมื่อฉันวิ่งเสร็จ ฉันจะเดินอย่างรวดเร็วสักพักหนึ่งเพื่อให้ร่างกายเย็นลง

5. While running, your heart beats very fast. It is not good for your heart to have sudden changes. 
ไวลฺ รันนิง ยัวรฺ ฮารฺท บีทสฺ เวรี ฟาสทฺ อิท อิซ นอท กูด ฟอรฺ ยัวรฺ ฮารฺท อู แฮฟวฺ ซัดเดน เชนจฺสฺ
ในระหว่างที่วิ่ง หัวใจของคุณจะเต้นเร็วมาก การเปลี่ยนจังหวะทันทีทันใดเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อหัวใจของคุณ

6. After running, walk for at least 15 minutes then after cooling down, drink a lots of liquid to replenish what your body lost.
อาฟเทอรฺ รันนิง วอลฺค ฟอรฺ แอท ลีสทฺ ฟิฟทีน มินิทสฺ เดน คูลลิง ดาวนฺ ดริงคฺ อะ ลอท ออฟ ลิควิด ทู รีเพิลนิช วอท ยัวรฺ บอดี ลอสทฺ
หลังจากวิ่ง ควรเดินอย่างน้อยอีก 15 นาที และเมื่อร่างกายเย็นลงแล้ว ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อทดแทนกับที่ร่างกายสูญเสียไป

........................................................................
อ่านตัวอย่างหนังสือของเราได้ ที่นี่
ติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ ที่นี่
ติดต่อ แนะนำ ติชมเราได้ที่ Line: happyhourbook
........................................................................

เรียนรู้ภาษากับเราตัวต่อตัวแบบฟรีๆ
แอดไลน์กันมาได้เลยที่ Qrcode ด้านล่างนี้ หรือ ID : qvg8499h
แล้วเราจะส่งความรู้ภาษาต่างๆ ไปให้ทุกวัน พร้อมภาพกราฟฟิกน่ารักๆ เอาไว้เซฟไปท่องจำกันได้เล้ย